ช่วงนี้พึ่งผ่านช่วงนั่ง review ตัวเองกับงานที่ทำอยู่ว่าจะเอายังไงดี ไปต่อหรือพอแค่นี้ หรือมีอย่างอื่นไหม บทความนี้เลยเขียนสรุปไว้หน่อย

บอกก่อนว่า เวลาประเมินตัวเองอะไรแบบนี้ ปกติผมจะคิดๆ ในหัว และสรุปออกมาเป็นกฏสั้นๆ แล้วเรียกมันว่า กฏส่วนตัว โดยมันจะถูกคิดขึ้นมาตั้งแต่ก่อนเข้าบริษัท และใช้ review ตัวเองในทุกๆ ปี (เป็นอย่างต่ำ) ว่า ยังอยู่ใน direction ที่เราสนใจไหม หรือ ต้องการจะปรับมันไหม เพื่อไปต่อให้ปีต่อๆ ไป


เงื่อนไขในการร่วมงาน

เรียกง่ายๆ ว่า กฏส่วนตัว โดยผมมีเงื่อนไขในการตัดสินใจแตกย่อยลงไป ในการเลือกเข้าร่วมทำงานแต่ละครั้ง หรือ ตัดสินใจว่าจะไปต่อหรือไม่ไปต่อ ซึ่งสรุปออกมาได้ประมาณ 5 ข้อ คือ

  1. เนื้องานสนุกหรือน่าสนใจไหม
  2. product ที่ทำน่าสนใจหรือเปล่า
  3. ทักษะของเรายังช่วยอะไรหรือเปล่า
  4. มีประโยชน์ต่อบริษัทแค่ไหน
  5. สร้างปัญหาอะไรหรือเปล่า (ถ้าเข้าไปแล้วจะสร้างปัญหาอะไรไหม / ที่เป็นอยู่สร้างปัญหาหรือเปล่า)

ส่วนข้ออื่นๆ อยู่ แต่ขอตัดทิ้งไปก่อน เพราะมันเป็นเปอร์เซ็นที่ไม่เยอะมาก ถ้าเอา 5 ข้อนี้มานิยามอีกรอบ ก็คงเป็นคำว่า "Passion" กับบริษัทนั้น เช่น

  • เข้าไปเป็นส่วนหนึ่งในการสร้าง product ให้มีคนใช้งานเกินหลักล้าน
  • พาบริษัท startup ให้มีมูลค่าเกิน 100 ล้าน หรือ พาบริษัท exit ให้ได้
  • เข้าไปช่วยองค์กรปรับวิธีการทำงานเป็น Agile
  • เข้าไปช่วย build team ที่ต้องการ Quality สูงๆ

มัน คือ เป้าหมายร่วมระหว่างผมกับบริษัท นั่นเอง


เป้าหมายร่วมกับบริษัท

เวลาผมมองหางาน หรือ ตกลงปลงใจเข้าร่วมกับที่ไหน ผมจะมานั่งคิดก่อนว่า เป้าหมายร่วมกันบริษัทที่จะเข้าไปร่วมนั้น เป็นยังไง โดยแบ่งออกเป็น 2 ระยะ คือ

เป้าหมายระยะสั้น และ เป้าหมายระยะยาว

เป้าระยะสั้น คือ ถ้าเข้าไปแล้วเราต้องทำอะไร หรือ เข้าไปช่วยแก้ปัญหาอะไร ในช่วงแรก ส่วนใหญ่กรอบเวลาจะอยู่ที่ประมาณ 1-2 ปี เช่น

  • กำลังตั้งทีมใหม่ ให้เข้าไปช่วย build team กับ skills
  • มีปัญหาเรื่อง process อยากให้เข้าไปช่วยปรับช่วยแก้
  • เข้าไปช่วยสร้าง หรือ เสริมไอเดีย product ให้ได้ตามแผน

แน่นอนว่า ผมก็เลือกเป้าหมายเหมือนกัน เป้าหมายระยะสั้นที่ผม เลี่ยงมากที่สุด คือ งานเร่ง งานด่วน งานรีบ ผมไม่ชอบการปั่นงาน เช่น ไปรับงานลูกค้ามา เป็นเว็บ e-commerce ให้ลูกค้าและเอาขึ้นให้ได้ภายใน 2 เดือนงี้ ถ้าบริษัทมองแค่ว่า ต้องการของ แต่ไม่สนใจ process ความเป็นจริง หรือ คุณภาพชีวิตของพนักงาน อันนี้ก็ไม่ค่อยถูกจริตผมเท่าไหร่

เป้าหมายระยะยาว เป็น เป้าหมายที่ผมชอบวางไว้ เผื่อให้ตัวเองอยู่กับบริษัทนั้นไปได้นานๆ เช่น บริษัทเก่าที่ผมเคยทำงาน เป้าระยะยาวก็จะเป็น พาบริษัท exit ให้ได้ จะเป็นแบบ M&A, IPOs ก็ได้ หรือ เข้าไปร่วมทำให้โปรดัก success ตามที่คาดหวังไว้

มันจะมีบางกรณีที่ เป้าหมายระยะยาว ในบางครั้งก็ไม่มีเสมอไป อาจจะไม่ได้มองภาพไกลขนาดนั้น ในกรณีนี้ผมจะ scope เป้าหมายระยะยาวอยู่ที่ 2-3 ปี แล้วมา review และปรับในปีต่อๆ ไปก็ได้


เป้าหมายส่วนตัว

ผมแบ่งเป้าหมายส่วนตัวออกเป็น เป้าหมายระยะยาว และ เป้าหมายระยะสั่น เช่นเดียวกับ เป้าหมายร่วม นั่น

เป้าหมายระยะยาว จะเป็น เป้าหมายที่ผมอยากไปหรืออยากเป็น ถ้าเป็นพนักงาน ก็คือ Career Path ซึ่งเป้าหมายระยะยาวของผมก็ยังคงเป็น CTO อยู่ แต่ยังไม่ได้มองไปถึงขึ้นเป็น CEO

เป้าหมายระยะสั้น จะเป็น เป้าหมายที่ถูกย่อยมาจาก เป้าหมายระยะยาวอีกที ส่วนใหญ่จะเป็นเรื่องของทักษะ ประสบการณ์ เป็นหลัก ว่าจะต้องมีอะไรบ้าง ทำอะไรได้บ้างถึงจะถึงเป้าหมายนั้น แต่ละปีก็จะต้องมานั่ง review ตัวเองว่าต้องทำอะไร ให้เราไปถึงเป้าหมายที่เราต้องการ ยังขาดทักษะไหนอยู่ ต้องเติ่ม หรือเก็บประสบการณ์อะไรเพิ่มอีกบ้าง

กับการทำงานบริษัท ผมมีเป้าหมายส่วนตัวแค่นี้เลย อยากโตไปเป็นอะไร แล้วต้องทำอะไรถึงจะโตไปเป็นอย่างนั้นได้ ที่เหลือก็ Review และ Re-plan


สิ่งที่ชอบ และ ไม่ชอบ

เรื่องนี้ตรงไปตรงมา ไม่ต้องลงรายละเอียดเยอะ เราชอบทำงานอะไร ทำงานแบบไหน บริษัทลักษณะไหน จะลิสออกมาหมด สิ่งที่ไม่ชอบก็เช่นเดียวกัน จะถูกลิสไว้

เวลาพิจารณาก็จะมาดูเรื่องเหล่านี้ แล้วก็เทรดออฟดูว่า โอเคหรือเปล่า รับในสิ่งที่ไม่ชอบได้ไหม

ถ้าทุกอย่างเทไปฝั่งที่ชอบ และยอมรับในสิ่งที่ไม่ชอบบางข้อได้ ก็โอเค ไปต่อได้


ความรู้/ความสามารถ

ต่อจากข้อเมื่อกี้ การประเมินความรู้ความสามารถของตัวเองก็เป็นสิ่งสำคัญ ตอนนี้เรามีทักษะอะไร และยังขาดอะไร เพื่อเอาสิ่งเหล่านี้มาประเมิน value ของตัวเองกับบริษัท

โดยแยกออกเป็น ความสามารถที่มีอยู่แล้ว กับความสามารถที่ยังขาด แล้วเอามาคิดต่อว่า ที่มีอยู่ได้ใช้งานไหม ที่ยังขาด จำเป็นต้องเติมไหม ซึ่งมองทั้งกับงานปัจจุบันและงานในตำแหน่งอนาคต เหมือนเตรียมตัวไว้ก่อน


Challenges

ข้อสุดท้ายเลย... ทำทุกอย่างเพื่อข้อนี้เลย... สรุปแล้ว อะไรคือ ความท้าทายที่เราอยากได้

ซึ่งมันสามารถเเบ่งออกได้หลายกลุ่ม เช่น

  • ตัวเอง
  • บริษัท
  • ทีม
  • Products

บริษัทเหล่านี้มี challenges เรื่องไหน แล้วเราสนใจไหม เข้าไปช่วยได้ไหม คิดว่าช่วยได้แค่ไหน รวมถึงปัญหาที่จะเกิดขึ้นถ้าเราเข้าไปมีไหม

เมื่อลิสออกมาได้หมดแล้ว ที่เหลือก็ ใช้ทักษะการเชื่อมโยงอย่างซับซ้อน ข้อนั้นข้อนี้ แล้วก็จะได้คำตอบออกมาว่า Go หรือ No Go


ทั้งหมด คือ สิ่งที่ใช้นำมาตัดสินใจในการร่วมเดินทางหรือหยุดร่วมเดินทางของผม ซึ่งอาจจะมีทุกข้อหรือไม่มีบางข้อก็ได้ จริงๆ มีข้อหยุมหยิมอยู่บ้างเหมือนกันแต่ไม่เอามาใส่

และทั้งหมดนี้จะถูก review และ replan ทุกปี เพื่อให้รู้ว่า เป็นไปตามที่คิดไว้หรือเปล่า และจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนตรงไหน เพื่อให้ไปต่อได้