เป็นปีที่งานเอาเวลาไปมากกว่า 70 เปอร์เซ็นของชีวิต ทำงานวันละ 12-14 ชั่วโมงต่อวัน และทำงาน 7 วัน แทบไม่หยุด เริ่มมาหยุดช่วงเดือนธันวาคมแล้ว ซึ่งมันก็หนักไป มีหลุดช่วงปลายปีอย่างเห็นได้ชัด
วงจรชีวิตก็จะเป็น
ตื่นนอน -> อ่านหนังสือ -> อ่านข่าว ดูหุ้น คริปโต -> อาบน้ำ -> ไปทำงาน -> ทำงาน -> กลับบ้าน -> อาบน้ำ -> ทำงาน -> เตรียมงานวันถัดไป -> นอน
ตำแหน่งใหม่ยังไงนะ
เป็นปีของการทำงานในตำแหน่งงานใหม่ โดยเริ่มต้นปีด้วยคำถามที่ว่า CTO มันต้องทำอะไรบ้าง และจบท้ายปีด้วยได้ทำอะไรไปแล้วบ้างนะ ที่สำคัญสิ่งที่คิดกับสิ่งที่ทำยังไม่สัมพันธ์กันเท่าที่ควร ปีหน้าเอาใหม่
มุมมองที่ปรับเปลี่ยน
เมื่อเราอยู่ในระดับผู้บริหารแล้ว มันจะเป็นอีกมุมมองหนึ่งที่ต้องเจอ และมันต่างกับการเป็นพนักงานแบบปกติ ช่วงแรกๆ เราพยายามที่จะ Balance มุมมองต่างๆ พยายามอธิบายให้คนอื่นเข้าใจว่าในมุมมองของการบริหาร การตัดสินใจต่างๆ มันต้องมองในมุมไหนบ้าง มุมมองไหนคือ มุมมองส่วนตัว มุมมองของทีม และมุมมองขององค์กร แต่สุดท้ายก็พบว่า "อย่าไปอธิบายเลย" เพราะตราบใดที่ยังไม่อยู่ในจุดเดียวกัน ยังไงพวกเขาเหล่านั้นก็ไม่เข้าใจอยู่ดี (ขี้เกียจอธิบายแล้วนั่นเอง)
การงาน
งานส่วนใหญ่ในปีนี้จะเป็นงานด้านการบริหาร คน งบประมาณ การวางแผน การประเมิน ประชุม ตอบคำถาม มองหาไอเดียและโอกาศใหม่ๆ ซึ่งมันต่างจากปีก่อนหน้านี้ที่งานหลักเป็นงานดูแลโปรเจค ดูแลน้องๆ ในทีม งาน UX/UI Design และ Coding แต่ก็เป็นอะไรที่สนุกดี สนุกกับการบริหาร วางแผน และจัดการสิ่งต่างๆ
มันกลับมาแล้ว
หลังจากที่รู้สึกแย่กับตัวเองมาพักใหญ่ๆ และพยายามค้นหาว่าเรื่องอะไร และแล้วก็ได้พบมัน นั่นคือ ไอเดีย ปีสองปีที่ผ่านมาขาดการคิดค้นไอเดียใหม่ๆ เลยทำให้ตัวเองไม่ค่อยมีความสุขเท่าไหร่ (ตาไม่เป็นประกาย) แต่พอมาทำงานในตำแหน่ง CTO แล้ว ได้มีโอกาศในการคิดหาไอเดีย ธุรกิจใหม่ๆ ให้กับบริษัท เลยทำให้ ความตื่นเต้น และความสนุกต่างๆ กลับคืนมา ถือว่าเป็นอะไรที่ดีมากๆ
งานนอกพาประสาทแดก
ผมรับงานนอกเป็นปกติอยู่แล้ว ปีละ 2-3 โปรเจค แต่ปีนี้นึกอะไรก็ไม่รู้ อยากลองไปหาประสบการณ์การทำงาน แบบที่ตัวเองยังไม่เคยคิดจะทำแนวนี้มาก่อน นั่นคือการไปรับงานตำแหน่ง Dev Lead ที่เป็นรูปแบบของ Outsource ซึ่งผล คือ ค่อนข้างสร้างความปวดหัว และฉุด EQ ให้ต่ำลงอย่างเห็นได้ชัด มันค่อนข้างทำให้หงุดหงิดและอารมณ์เสียพอสมควร เพราะงานที่เจอนั้น ถ้าเป็นตัวเองจะไม่รับทำเด็ดขาด Scope ไม่ชัด เวลาเหลือน้อย คนไม่พอ การเมืองภายใน และปัญหาอื่นๆ อีกมากมายที่ตามมา และมันส่งผลเสียมากกว่าผลดี เพราะมันพาให้ทัศนคติการทำงานในบริษัทประจำได้รับผลกระทบไปด้วย ในเรื่องการตัดสินใจ คำพูด อารมณ์ เพี้ยนไปหมด จนต้องปรับจูนกันใหม่
บริษัทยังไม่ได้ทำอะไรเลย
คนสนิทๆ จะรู้ว่าผมมีบริษัทเป็นของตัวเองที่พึ่งจัดตั้งไป แต่ด้วยสถานะการณ์ต่างๆ ทั้งงาน CTO และสถานะการณ์โควิด เลยทำให้ยังไม่ได้มีเวลาที่จะไปโฟกัสมันเท่าที่ควร แต่ก็มีการวางแผนต่างๆ ไว้แล้ว เพื่อให้พร้อมสำหรับการเริ่มดำเนินการในปีหน้า
การลงทุน
เป็นปีแรกที่หันมาโฟกัสเรื่องของการลงทุนเเบบจริงจัง ตั้งแต่ กองทุน หุ้น และคริปโต เป็นอะไรที่สนุกดี ยิ่งได้วิเคราะห์ ประเมิน หาแนวโน้มของสิ่งต่างๆ ยิ่งสนุก โดยรวม ถือว่าประสบความสำเร็จ บวกหมด ยกเว้นคริปโต ที่พึ่งลบเกินครึ่งพอร์ทเมื่อเช้านี้ และปีนี้ก็พลาดอะไรไปเยอะอย่าง DeFi ที่เข้ามาลงทุนช้า และ GameFi ที่เวลาไม่พอที่จะลงไปศึกษามัน
สุขภาพ
ปีนี้เริ่มมียาสามัญประจำตัวกับเขาแล้วเหมือนกัน คือ ยาแก้แพ้ หลังจากที่อดทนกับมันมาพักใหญ่ จนทนไม่ไหว จับอะไรก็แพ้ไปหมด เลยไปหาหมอ ผลคือ เป็น ลมพิษ ทั้งแบบเฉียบพลัน และแบบที่เกิดจากการกระตุ้น ซึ่งถ้าถามว่าแพ้อะไรบ้างนะเหรอ หึหึ ตอบเลยว่าเยอะ อากาศ ฝุ่น เหงือ ความเย็น รอยขีดข่วน ดูเป็นคนบอบบางไปเลย (โคตรเซ็ง) แต่กินยาก็ดีขึ้น ส่วนเรื่องๆ อื่นๆ ก็โอเคดี ยังไม่ป่วยแค่อ้วนขึ้น (ไม่ได้ออกกำลังกาย)
ความรัก
ไม่มี มีลองคุยแล้ว แต่ก็ไม่รอด ในหัวคิดเรื่องงานตลอด เลยไม่ค่อยมีเวลาพูดคุยเรื่องทั่วๆ ไปสักเท่าไหร่ จนห่างหายกันไป บางทีก็คิดนะว่า "โปรดจีบผมเถอะนะ อย่าให้ผมไปจีบคุณเลย" 555+
สรุปปีนี้
เป็นปีที่โฟกัสไปที่งานล้วนๆ รองลงมาก็เป็นเรื่องของการลงทุน แปลกใหม่ดี ช่วงต้นปีทำได้ดีแล้ว มีหลุดสติไปบ้างช่วงปลายปี ก็ต้องปรับจูนปรับแก้กันใหม่ในปีหน้า
สุดท้าย ผมว่าชีวิตผมตอนนี้เริ่มกำลังอยู่ตัวแล้ว ทั้งเรื่องงาน เงิน ความฝัน เหลืออย่างสุดท้ายแล้ว และคิดไว้ว่าปีหน้าจะให้เวลากับมันมากขึ้น (ถ้ามีเข้ามานะ)
— Good Bye 2021 and Happy New Year