วันนี้ไปเจอคนแชร์เนื้อหา Cheat Sheet ที่สรุปเรื่อง “System Design” เลยเอามาเขียนไว้สักหน่อย

เพราะหลายๆ ครั้งผมก็ลืมเหมือนกัน บางทีก็เก็บไม่ครบ 😝

https://www.linkedin.com/in/goyalshalini

1. Requirement Gathering (เก็บความต้องการให้ครบ)

  • แยกความต้องการเป็น functional กับ non-functional
  • คิด user story / flow การใช้งานให้ชัด
  • จัดลำดับความสำคัญตามเป้าหมายของธุรกิจ
  • ดู dependencies และข้อจำกัดต่าง ๆ ให้ครบ

2. System Architecture (วางโครงสร้างระบบ)

  • วางแผนว่าระบบมี component อะไรบ้าง เชื่อมกันยังไง
  • เลือก architectural pattern ที่เหมาะ (เช่น Microservice, Monolith)
  • คิดเผื่อเรื่อง scalability และ maintainability ด้วย
  • เทียบข้อดีข้อเสียระหว่างระบบรวม (monolith) กับแยก (distributed)

3. Data Design (ออกแบบข้อมูลให้ดีตั้งแต่ต้น)

  • วาง schema, ความสัมพันธ์ระหว่าง table/entity
  • เลือกฐานข้อมูลที่เหมาะกับงาน (SQL / NoSQL)
  • วางแผนเรื่อง backup, retention และ archive
  • รู้ว่าเมื่อไรควร normalize และเมื่อไรควร denormalize

4. Domain Design (แยกงานตามธุรกิจ)

  • แบ่งระบบเป็น domain ตาม logic ธุรกิจ
  • ให้แต่ละ domain ทำงานเป็นอิสระ (encapsulate)
  • ลด dependency ข้าม domain
  • กำหนดความรับผิดชอบของแต่ละ domain ให้ชัด

5. Scalability (รองรับการเติบโตของผู้ใช้)

  • วางแผน horizontal/vertical scaling
  • ใช้ load balancer ช่วยกระจายโหลด
  • partition / shard ข้อมูลให้ดี
  • ใช้ autoscaling รับมือกับ traffic พุ่งสูง

6. Reliability (ระบบต้องพังยาก!)

  • ออกแบบให้ tolerant ต่อความผิดพลาด
  • มี monitoring, alert และ logging ที่ดี
  • เตรียมแผน backup & restore
  • ใช้ retry, circuit breaker, timeout ให้เหมาะ

7. Availability (ระบบต้องพร้อมใช้งาน)

  • ทำ data replication ไว้หลาย node
  • มี failover แก้ปัญหาเวลาระบบล่ม
  • กำหนด RTO/RPO ไว้ชัดเจน
  • ทดสอบ HA (High Availability) เป็นประจำ

8. Performance (เร็วไว้ก่อน!)

  • ลด latency เพิ่ม throughput
  • ใช้ cache สำหรับข้อมูลที่เรียกบ่อย
  • ปรับ query และ algorithm ให้ดี
  • บีบอัดข้อมูลช่วยให้ส่งเร็วขึ้น

9. Security (ปลอดภัยไว้ก่อน)

  • มีระบบ Auth (authentication/authorization)
  • เข้ารหัสข้อมูลทั้งตอนเก็บและส่ง
  • ตรวจสอบช่องโหว่ระบบสม่ำเสมอ
  • ป้องกัน API / Endpoint จากการโจมตี

10. Maintainability (ดูแลง่าย ไม่ปวดหัว)

  • เขียนโค้ดให้สะอาดและแยกเป็น module
  • ใช้เครื่องมือช่วย deploy / version control
  • ออกแบบให้ระบบขยายได้แบบไม่พังของเดิม
  • มี CI/CD pipeline ช่วยให้ deploy ปลอดภัยและเร็ว

11. Testing (ทดสอบ ทดสอบ ทดสอบ!)

  • มี unit test, integration test, E2E test
  • โหลดเทสระบบเพื่อดู performance
  • ตรวจสอบ API ให้แน่ใจว่าเข้าออกถูกต้อง
  • ตรวจช่องโหว่ความปลอดภัยด้วย

12. User Experience Design (คิดถึงคนใช้จริง)

  • UI ต้องใช้ง่าย ตอบสนองไว
  • วาง flow ให้ใช้งานเร็ว ไม่ซับซ้อน
  • ทำ usability testing บ่อย ๆ
  • รองรับการเข้าถึงสำหรับทุกกลุ่มผู้ใช้ (Accessibility)

13. Cost Estimation (ประเมินงบให้ดี)

  • ดูต้นทุน hardware / infrastructure
  • ประเมินค่าใช้จ่ายจาก scaling / license
  • ใช้ cloud อย่างมีประสิทธิภาพ
  • กันงบสำหรับ DR และ failover

14. Documentation (เขียนไว้เถอะ ใช้ทีหลังคุ้ม)

  • ทำเอกสารเทคนิคและ architecture ให้ทันสมัย
  • มี API doc / คู่มือใช้งาน
  • ใช้ diagram ช่วยให้เห็นภาพรวม
  • จัด version ให้แชร์และอัปเดตง่าย

15. Migration Plan (ย้ายระบบอย่างมีแผน)

  • เช็กความเข้ากันของระบบเก่า-ใหม่
  • มี step-by-step migration plan
  • ทดสอบใน staging ก่อน
  • ตรวจสอบข้อมูลหลัง migrate ว่าครบและถูกต้อง

References: