มีแชทหนึ่งเด้งขึ้นมา พร้อมกับคำถามว่า…
พี่นัท เคยไปค่ายแนวๆ นี้ปะครับ ผมอยากไป
มันเป็นแชทจากน้องที่เคยทำงานอยู่ที่บริษัท ชมชอบ ทักมา ซึ่งเราก็ไม่คิดว่าน้องมันจะไปทำอะไรแบบนี้ (ปกติจะทำแต่งาน ไม่ก็เล่นเกมส์ 555+) ประโยคแรกที่ผุดขึ้นมาในหัวเลยคือ “อารมณ์ไหนของมันว่ะ”
ซึ่งตัวเรามีแนวคิดว่า จะสนับสนุนทุกคนที่มาเล่าหรือขอคำปรึกษา โดยไม่ขัดขวางความตั้งใจของคนเหล่านั้น ก็เลยตอบกลับไปว่า…
อยากไปก็จัด เดี๋ยวไปเป็นเพื่อน
เท่านั้นแหละ จึงเป็นที่มาของทริป
นัทกับนัท ตะลุย ค่ายอาสาครูบ้านนอก รุ่นที่ 220
สองหนุ่มโปรแกรมเมอร์ ที่สกิลการเข้าหาคนอื่นต่ำเตี้ยเรี่ยดิน ต้องไปเอาตัวรอดกับค่ายครูบ้านนอก ที่ ศูนย์การเรียนไร่ส้มวิทยา มูลนิธิกระจกเงา จำนวน 4 วัน 3 คืน
เกี่ยวกับค่าย
ค่ายครูบ้านนอก เป็นกิจกรรมค่ายอาสาที่จัดขึ้นโดย มูลนิธิกระจกเงา ซึ่งจัดขึ้นตลอดทั้งปี โดยผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนไปยังที่ต่างๆ ถ้าใครสนใจก็สามารถเข้าไปดูรายละเอียดกิจกรรมได้เลย (จิ้มตรงนี้เบาๆ) และค่ายครูบ้านนอกที่ผมและน้องไป คือ ค่ายครูบ้านนอก รุ่นที่ 220 โดยสถานที่ คือ ศูนย์การเรียนไร่ส้มวิทยา อำเภอ ฝาง จังหวัด เชียงใหม่ นั่นเอง เอง เอง (ให้ทำเสียง เอคโค่ ยาวๆ)
เริ่มต้นผจญภัย
เริ่มต้นเดินทางออกจากกรุงเทพด้วย รถ บขส. ในตอนเย็นวันศุกร์ เพื่อไปให้ถึงที่อำเภอฝางในเช้าวันเสาร์ ระหว่างทางที่ไปยังอำเภอฝาย มีโค้งไปมาพอสมควร นักอาสามือใหม่ หันมาบอกว่า เหมือนจะอ๊วกว่ะพี่ หยิบถุงให้หน่อย…
มึงจะไหวมั้ยเนี่ย 555+
จากนั้นน้องมันก็นั่งนิ่งไปจนถึงจุดนัดหมาย รอดมาโดยไร้ร่องรอยใดๆ (ไม่อ๊วก) เมื่อไปถึงก็มีพวกพี่น้องๆ ครูอาสามาร่วมตัวกันที่จุดนัดหมายแล้ว ก็ขึ้นรถที่เตรียมไว้เพื่อเข้าไปยัง ศูนย์การเรียนรู้ไร่ส้มวิทยา
ทันทีที่ไปถึงศูนย์การเรียนรู้ สิ่งที่คิดอย่างแรกเลยคือ “กูจะไหวมั้ยว่ะเนี่ย” แดดแรงมาก ประดุจดั่งถูกโอบกอดด้วยพระอาทิตย์ แถมต้นไม้ให้หลบแดดก็มีน้อยซะเหลือเกิน
เมื่อมาถึงกันครบแล้ว ก็เริ่มต้นกิจกรรมด้วยการแนะนำตัว และเล่นเกมส์กันนิดหน่อย เปิดมือถือ ตีป้อม ถุย!!! ไม่ใช่… เป็นเกมส์แนะนำตัว เพื่อให้ทุกคนรู้จักกันมากขึ้น ความบังเอิญ คือ หนึ่งในนั้นมีน้องที่รู้จักก็มาด้วย (ตอนแรกก็ไม่รู้จักหรอก น้องมันเข้ามาทัก แต่เราจำชื่อมันไม่ได้ 555+) มีคนรู้จักเพิ่มขึ้น ก็รู้ได้ทันทีว่าค่ายนี้ เฮฮาแน่นอน เพราะมันจะหมดปัญหาเรื่องการเข้าหาคนอื่นแล้ววววววววว
งานเบาเบารอเราอยู่
หลังจากหมดกิจกรรมทักทายกันในตอนเช้า ก็เริ่มกิจกรรมตอนบ่ายด้วยการ เคลียพื้นที่บริเวณรอบโรงเรียน เพื่อเตรียมต้อนรับเด็กๆ ในวันเปิดเทอม เป็นการทำงานที่โคตรจะเบ๊าเบา ไม่ว่าจะเป็น เก็บเศษไม้ ย้ายโต๊ะ โล๊ะของทิ้ง ย้ายกองดิน กองหิน กองทราย และไล่จับหนู
เป็นงานง่ายๆ สบายๆ แต่ที่มันไม่สบาย ก็สภาพอากาศนี่แหละ ร้อนประดุจซ้อมอยู่ในนรก จำได้ว่ากินน้ำไปเยอะมาก เหงื่อท่วมตัว เสื้อผ้าเปียกปอน โดยเฉพาะพี่ลิ้ม ที่เรียกได้ว่า เหมือนโดนใครสาดน้ำใส่พี่แก ฮ่าๆๆ
ทุกๆ คนช่วยกันทำงานเหล่านี้ตั้งแต่บ่ายจนถึงเย็น บรรยากาศการทำงานก็เป็นกันเองสุดๆ ทำไปก็พูดคุยทำความรู้จักกันไป แซวบ้าง ตบมุขโบ๊ะบ๊ะ เรียกได้ว่า เป็นการทำงานที่สนุกจริงๆ (ถ้าไม่รวมเรื่องอากาศร้อนนะ 555+)
เอาแล้วไง จะอยู่อย่างไรดีละ
หลังจากเหน็ดเหนื่อยมาทั้งวันกับการออกแรงในการเครียพื้นที่ ท่ามกลางอากาศร้อน ก็ได้เวลาไปที่พัก โดยจะแยกออกเป็น 2 แบบ คือ ผู้ชายจะนอนรวมกันที่บ้านพักครู ซึ่งเป็นกระต๊อบไม้ไผ่ ส่วนผู้หญิงจะไปนอนกับชาวบ้าน โดยในแต่ละวันทางค่ายจะมีวัตถุดิบสำหรับทำอาหาร มื้อเย็น และมื้อเช้าของแต่ละวันเอาไว้ให้
สำหรับการประเดิมมื้อแรกของกลุ่มผู้ชายค่ายนี้ คนที่รับอาสาจะทำอาหารให้ทาน ได้แก่ เชฟลิ้ม ผู้ที่ไม่ได้ทำอาหารมากว่า 10 ปี และมีการยืนยันประสบการณ์ การทำอาหารของตัวเองด้วยการบอกทุกคนว่า…
พี่เคยทำกับข้าวให้คนที่บ้าน แต่ไม่มีใครยอมกิน
และยังมีพี่โอม น้องแมน และก็น้องนัท ทั้ง 3 คน ไม่มีประสบการณ์การทำอาหารที่น่าประทับใจเท่าพี่ลิ้ม เพราะฉนั้นก็ข้ามๆ ไปทำอาหารกันเลยดีกว่า
เมนูของมื้อแรกได้แก่ ต้มยำหมู ผัดคะน้าหมูทอด ไข่เจียว และไก่ทอด น้ำพริกหนุ่ม เมนูเมื่อตอนเที่ยง (เผื่อกินกันไม่ได้ 555+) แต่ผลคือ อร่อยมากกกกกกกกก โดยเฉพาะไก่ทอด ถุ้ย!!! ต้มยำหมู ฝีมือพี่ลิ้ม
เมื่อทานข้าวเย็นกันเสร็จแล้ว ภารกิจต่อไปก็คือ อาบน้ำ ซึ่งช่วงที่เรามาเป็นช่วงหน้าร้อนเลยทำให้มีน้ำไม่เพียงพอ ต้องให้ทางเทศบาลขนน้ำมาเติมไว้ โดยกว่าทางเทศบาลจะเอาน้ำมาเติมให้ใหม่อีกทีก็ อีก 7 วัน เพราะทางเทศบาลต้องขนน้ำไปให้ที่ต่างๆ ด้วย จึงจำเป็นต้องบริหารการใช้น้ำให้ดี เราตกลงกันว่าจะอาบน้ำกันแค่วันละครั้ง ซึ่งก็คือ ทุกเย็นนั้นเอง ส่วนตอนเช้าก็ใช้น้ำแค่ล้างหน้าแปลงฟัน และทำอาหาร ต้องอยู่แบบนี้อีก 3 วัน ทั้งอากาศร้อน อาบน้ำได้แค่วันละครั้ง แค่คิดก็สนุกแล้ว นึกถึงตอนไปออกค่ายรด. (นศท.) ขึ้นมาเลย
วีรกรรมของเหล่าชายหนุ่ม
เริ่มต้นวันที่ 2 ด้วยการช่วยกันขนไม้ และการมัดลวดกับโครงเหล็ก และเทปูน สำหรับฐานเสาอาคารใหม่ วันนี้เป็นวันที่แดดแรงเหมือนเดิม อุณหภูมิแตะ 40 องศา สิ่งเดียวที่ทำให้การทำงานสนุก คือ การเปิดเพลง และพูดคุยยิงมุขกันระหว่างทำงาน
และเนื่องจากเป็นวันที่ร้อนมาวันนี้เลย ตกลงกันว่าหลังเสร็จงาน เราจะไปเล่นน้ำคลายร้อนที่น้ำตกกัน แค่นั้นแหละ งานก็เสร็จเร็วขึ้นในทันใด ฮ่าๆๆ
เมื่อเล่นน้ำกันเสร็จก็ถึงเวลาที่ต้องกลับไปทำอาหารเย็นกัน ระหว่างทางกลุ่มชายหนุ่ม ก็ไปเจอร้านขายเกี้ยวซ่า ฉบับแรย์ไอเท็ม ซุปเปอร์ ออริจินอล จากยูนาน เลยแวะซื้อกิน ซึ่งมันอร่อยมาก เลยตกลงกันว่าจะซื้อไปให้กลุ่มสาวๆ ด้วยและในวินาทีนั้นเอง ไอเดียดีๆ ก็ได้บังเกิดขึ้นมา
เราเอาเกี้ยวซ่า ไปแลกกับข้าวกันดีกว่า
เมื่อตกลงแผนกันได้แล้ว กลุ่มชายหนุ่มก็ได้เริ่มไถ เฮ้ย!!! เริ่มเจรจาต่อรองปนยัดเยียดแลกเปลี่ยนเกี้ยวซ่ากับกับข้าวได้สำเร็จ หึหึ
พูดถึงปัญหากันหน่อย
หลังจากกินข้าวเย็นเสร็จ ก็ถึงเวลารวมกลุ่มกันอีกครั้ง เพื่อแนะนำ ทำความรู้จัก ศูนย์การเรียนไร่ส้มวิทยาให้มากขึ้น เริ่มต้นด้วยการแนะนำที่มาที่ไปของศูนย์การเรียนไร่ส้มวิทยา และสอบถามถึงปัญหา และสิ่งที่ทางศูนย์การเรียนต้องการการสนับสนุน
ซึ่งตรงนี้ค่อนข้างยาว ขอสรุปเป็นข้อๆ เลยละกัน (เข้าโหมดจริงจัง)
- นักเรียนที่เรียนที่นี่ส่วนใหญ่จะไม่ได้กินอาหารเช้ากัน เพราะรายได้ของพ่อแม่ค่อนข้างน้อย ทำให้ไม่มีเงินเพียงพอที่จะซื้ออาหารกิน ทางศูนย์การเรียนฯ เลยจัดเป็นโครงการอาหารเช้าขึ้นมา ชื่อว่า “เช้าอิ่มท้อง สมองสดใส”
- ตอนนี้มีจำนวนนักเรียนเพิ่มขึ้นจากเดิมเป็น 2 เท่า (100 กว่าคน) เลยทำให้อาคารเรียนที่มีอยู่ไม่เพียงพอ จำเป็นต้องสร้างอาคารเรียนเพิ่ม ซึ่งทางศูนย์การเรียนฯ ได้รับเงินสนับสนุนจากการบริจาค
- ช่วงหน้าแล้งจะมีปัญหาเรื่องน้ำ (สัมผัสมากับตัว 55+) ที่ไม่เพียงพอ ต้องรอให้ทางเทศบาลขนน้ำมาเติมให้ ถ้าน้ำหมดก่อน วันที่เหลือก็จะไม่มีน้ำใช้ ตอนนี้ทางศูนย์การเรียนฯ เลยกำลังวางแผนที่จะขุดบาดาลไว้ใช้เอง ซึ่งต้องรอรับเงินบริจาคอยู่เช่นกัน
มันเป็น 3 เรื่องที่สำคัญที่สุดในตอนนี้ ในขณะการพูดคุยกันทำให้ผมเปลี่ยนความคิดบางอย่างไปด้วย คือ เมื่อก่อนผมมองว่าการบริจากสิ่งของมันรู้สึกโอเคกว่าการบริจาคเงิน (อาจเป็นเพราะไม่มั่นใจว่าเงินบริจาคจะไปถึงเด็กไหม) แต่เมื่อฟังจากที่ครูๆ พูดทำให้คิดได้ว่า การบริจาคสิ่งของมันถึงเด็กก็จริง แต่มันอาจจะไม่ตรงจุดที่เขาต้องการสักเท่าไหร่ มันอาจจะไม่สำคัญเป็นอันดับต้นๆ ก็ได้
แต่ถ้าเราต้องการเอาของที่ไม่ใช้แล้ว หรือต้องการบริจาคเป็นสิ่งของ ก็เอาไปบริจาคให้กับที่ๆ เขาต้องการสิ่งนั้นจริงๆ
อ่านมาถึงตรงนี้แล้ว ถ้าใครกำลังอิน มือไม้สั่น อยากร่วมบริจาคให้กับศูนย์การเรียนไร่ส้มวิทยา ก็ตามนี้เลย
หรือถ้าอยากติดต่อสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม
📲 065–546–6009
📩 [email protected]
💻 เพจ ศูนย์การเรียนไร่ส้มวิทยา มูลนิธิกระจกเงา
📦 277 ม.10 ต.แม่ข่า อ.ฝาง จ.เชียงใหม่ 50320
เปิดเทอมแล้วจ้า
ผ่านมาไป 2 วันกับการเคลียสถานที่ การมัดเหล็กเสา เทปูน และเตรียมแผนการสอนในสำหรับการเปิดเทอมวันแรก และแล้ววันนี้ก็มาถึง วันที่จะได้เจอเด็กๆ ทุกคนต่างตื่นเต้นที่จะได้เจอ และทำกิจกรรมร่วมกับเด็ก โดยทางครูอาสาจะแบ่งการทำกิจกรรมออกเป็น 4 กลุ่ม แต่ละกลุ่มจะมีกิจกรรมที่แตกแต่งกันออกไป เช่น การสอนภาษาอังกฤษ การเล่นดนตรี การเต้น การทำกิจกรรมสันทนาการต่างๆ เป็นต้น
เริ่มต้นเช้าด้วยการ เคารพธงชาติ ไหว้พระสวดมนต์ ที่ครูอาสาชอบมากที่สุดเลย คือ การเต้นในตอนเช้า เพื่อผ่อนคลายปรับอารมณ์เด็กๆ ก่อนเริ่มต้นเรียน และที่สำคัญเลยทางศูนย์การเรียนไร่สม มีโครงการอาหารเข้าให้เด็กๆ ได้ทานกันด้วย
เมื่อทานอาหารเข้าเสร็จแล้ว ก็ถึงเวลาเริ่มต้นทำกิจกรรม ตรงนี้ไปจะให้รูปภาพเป็นคนบรรยายแทน
เป็นหนึ่งวันที่ผ่านไปไวมากๆ และเป็นการเปิดเทอมวันแรกที่สนุกมากด้วย เด็กๆ เต็มที่ ครูอาสาก็เต็มที่ด้วยเช่นกัน
พรุ่งนี้ค่อยมาใหม่
หลังจากทำกิจกรรมการเรียนการสอนมาทั้งวันก็ถึงเวลาที่จะต้องส่งเด็กๆ กลับบ้าน โดยทางครูอาสาจะแบ่งกลุ่มกันไปส่งเด็กๆ ตามบ้าน (ตอนเช้า มีการแบ่งครูอาสาไปรับเด็กๆ ด้วยเช่นกัน)
โดยเด็กๆ เหล่านี้ส่วนใหญ่จะเป็นเด็กที่พ่อแม่เป็นชาวไทใหญ่ ที่มารับจ้างทำงานในไร่ส้ม บ้านที่เด็กๆ อยู่ส่วนใหญ่ ก็จะอยู่ใกล้ๆ กับไร้ส้ม (บางครอบครัวก็อยู่ในไร่ส้มเลย)
ฟังดูน่าจะดีใช้ป่าว แต่จริงๆ แล้ว การดูเเลต้มส้มจำเป็นต้องใช้ยาและสารเคมีต่างๆ ที่ต้องมีการฉีดยาอยู่บ่อยๆ เลยทำให้ อากาศบริเวณนั้น เต็มไปด้วยกลิ่นสารเคมีที่ใช้ในไร่ส้ม บรรยากาศไม่ค่อยเหมาะกับการพักอาศัยเอามากๆ เหมือนอยู่กับ PM2.5 เวอร์ชันมีกลิ่นแถมมาด้วย ยังไงยังงั้น
ปาร์ตี้คุณครู(อาสา)
หลังจากทำกิจกรรมการเรียนการสอนมาทั้งวัน และหลังจากที่ส่งเด็กๆ กลับบ้านจนหมดแล้ว ถึงก็คำคืนสุดท้ายของค่ายครูอาสา โดยคืนนี้ เราได้ตกลงกันว่าจะกินหมูกระทะร่วมกัน เล่นกีต้า ร้องเพลง และสรุปสิ่งที่ได้จากกิจกรรมในวันนี้
ขอบคุณสำหรับเตาและกระทะปิ้งย่าง จากครูอาสารุ่นก่อนหน้านี้ ที่มาทำกิจกรรมช่วงหน้าหนาว ได้ที่ซื้อไว้ให้
เขากินหน้าหนาว เรากินหน้าร้อน ฟินกันไปคนละแบบ ฮ่าๆๆ
มันเป็นค่ำคืนที่พิเศษ ที่ได้ร่วมแชร์ความประทับใจต่างๆ ที่ได้จากค่ายอาสา สำหรับครูอาสาทุกๆ คนในรุ่น 220 นี้ ก่อนที่จะเเยกย้ายกันกลับบ้าน กลับไปทำหน้างานของตัวเองกัน
บทสรุปเรื่องราว
จากจุดเริ่มต้นอาสาพาน้องมาลองทำกิจกรรมอาสา ได้พบกับเพื่อน พี่ น้อง ที่มีจุดมุ่งหมายเดียวกัน คือ การอาสามาพัฒนาและทำกิจกรรมกับเด็กๆ ผ่านการทำงานหนัก กิจกรรมที่แสนสนุก การพบปะพูดคุยกับทุกคน วีรกรรมฮาๆ มากมาย ของเหล่าครูอาสา ที่ไม่ได้เล่าไว้ในนี้ มันเป็นช่วงเวลาที่น่าจดจำไม่รู้ลืม แม้กระทั้งตอนนี้ ตอนที่เขียน blog เล่าเรื่องราวนี่อยู่ ยังคงจำจด และคิดถึงเด็กๆ ที่ศูนย์การเรียนไร่สม ได้อยู่ และเชื่อว่า ทุกคนในค่ายนี้ ก็คงรู้สึกแบบเดียวกัน :)
ขอบคุณ คุณครูอาสาทุกท่าน…
อ้างอิง
ครูบ้านนอก: https://bannok.com, https://www.facebook.com/KruBannok
ศูนย์การเรียนไร่ส้มวิทยา: https://www.facebook.com/Raisomwitdhaya