จากบทความก่อนหน้านี้ ประสบการณ์การสร้างทีมในระดับการบริหาร — Part 1 ที่เป็นการเตรียมความพร้อมเกี่ยวกับการกำหนดตำแหน่ง
บทความนี้ผมจะมาแชร์เรื่องการหาคนเข้ามาเติมทีมกัน
หากพนักงานในทีมของเราพอดีกับโปรเจคที่ทำอยู่แล้ว ไม่มีแผนการ Scale ทีม หรือไม่มีโปรเจคใหม่ๆ ก็ไม่จำเป็นต้องหาคนเข้ามาเพิ่มก็ได้ หรือถ้าจะป้องกันการลาออกของพนักงานแล้วไม่มีคนทำงานแทนก็อาจจะรับคนในระดับที่ยังว่างเพิ่มเข้ามาก็ได้ (ถ้าบริษัทอนุมัตให้ทำนะ) โดยเราอาจจะใช้วิธีการพูดคุยสอบถามพนักงานและประเมินเเนวโน้มว่าพนักงานแต่ละคนมีแนวโน้มที่จะอยู่ต่อหรือลาออกไหม ถ้าลาออกจะมีโอกาศจะลาออกช่วงไหน เราจะได้วางแผนเตรียมรับคนไว้ก่อน
หรือเราอาจจะทำวิธีง่ายๆ เลย คือ เมื่อมีพนักงานมาขอลาออก เราก็เปิดรับพนักงานใหม่เลย แต่วิธีนี้มันมีระยะเวลาในการรับคนอยู่ ขึ้นอยู่กับตำแหน่ง ระยะเวลา บางตำแหน่งอาจเกิน 6 เดือนเลยก็ได้ซึ่งต้องว่างแผนให้ดี
แต่ถ้าหากบริษัทมี Cost หรือ Goal ในการรับคนเพิ่มอยู่แล้ว เราก็ลองพิจารณาดูว่า จำเป็นต้องเพิ่มตำแหน่งไหน เพื่อมาทำงานอะไร
ถ้าเป็นตำแหน่งที่สำคัญแนะนำให้มีคนที่สามารถทำงานแทนได้ไว้ก็จะดี จะได้ไม่เกิดการหยุดชงักในการทำงานหากมีคนหยุดงานหรือขอลาออก หรืออาจจะรับระดับ Junior เข้ามาก็ได้ เพื่อเป็นการเปิดโอกาศให้แก่เหล่า New Jobber และยังสามารถช่วยส่งเสริมให้พนักงานในบริษัทมีทักษะในการสอนงานและส่งต่อความรู้ไปด้วยในตัว แต่อย่าเอามาเยอะจนเกิด Cost ที่สูงไปโดยใช่เหตุ
วางแผนงาน ก่อนหาคน
ก่อนที่เราจะเริ่มเปิดรับคนเข้าบริษัทหรือทีม เราจำเป็นต้องรู้ก่อนว่าในปีนั้นเราจะต้องรับคนเพิ่มเข้ามาเท่าไร่ โดยสิ่งที่ทำเลย คือ
การวางแผนงานของปีถัดไป โดยเราจะต้องทำตั้งแต่ช่วงปลายปีนั้นเลย อาจจะเป็นช่วงเดือน พ.ย. — ธ.ค. ขึ้นอยู่กับงานของแต่ละบริษัท การวางแผนงานในปีถัดไปจะช่วยให้เราประเมินปริมาณงานและจำนวนคนได้ที่ต้องใช้ได้ และเหตุผลอื่นๆ ซึ่งบทความนี้จะไม่ลงรายละเอียดในเรื่องนี้
ระบุตำแหน่งและระดับที่ต้องการรับเข้าทีม
เมื่อเรารู้แล้วว่าจำเป็นต้องรับคนเพิ่มอาจจะด้วยเหตุผลใดๆ ก็ตาม เช่น ปริมาณงานกับจำนวนของคนในทีมไม่สัมพันธ์กัน หรือต้องการคนเพื่อทำโปรเจคใหม่ เป็นต้น
เราก็ต้องมานั่งพิจารณากันในลำดับถัดไปว่า เราจะรับคนในตำแหน่งไหนและระดับใดบ้าง โดยจะพิจารณาจากปัจจัยต่างๆ ที่ได้วิเคราะห์และวางแผนมา (ต้องการสร้างทีมใหม่เลย หรือเติมคนเข้าทีม)
บางครั้งงานบางตำแหน่งอาจจะมีการแข่งขันสูงในการดึงคนเข้าบริษัท แนะนำให้เรากำหนด Tier ของคนสายงานนั้นไว้ด้วยก็ได้
ตัวอย่าง
A — ทำงานได้เลย มีทักษะและความรู้ที่ยอดเยี่ยม มีประสบการณ์
B+ — ทำงานได้เลย มีทักษะและความรู้ที่ยอดเยี่ยม แต่ยังขาดประสบการณ์
B — ทำงานได้เลย มีบางทักษและความรู้ในระดับที่ทำงานได้ แต่ยังต้องปรับเสริม เติมแต่งอยู่
เป็นต้น
เมื่อเราวาง Tier ของความรู้ความสามารถแล้ว เราค่อยมาพิจารณาดูว่า ความสามารถในการแข่งขันการดึงคนมาร่วมงานของเรามีมากน้อยแค่ไหน เราอยากได้คน Tier ไหนมาร่วมทีม แล้วโฟกัสไปที่ Tier นั้นๆ ขึ้นไปได้เลย
เตรียมการรับสมัครงาน
หลังจากที่เราวางแผนทุกอย่างไว้แล้ว สิ่งที่จะต้องทำในลำดับถัดมา คือ การเตรียมการรับสมัครงาน โดยแต่ละบริษัทจะมีการเตรียมการที่ต่างกัน แต่คิดว่าส่วนใหญ่จะแตกต่างกันไม่มากมายนัก
จากประสบการณ์การรับสมัครคนต้องเตรียมอะไรบ้าง
- ช่องทางการหาคน
โดยปกติแล้วช่วงทางการหาคนนั้นเป็นที่ๆ เราอยู่ๆ กันอยู่แล้ว และบางที่อาจจะมีช่วงทางอื่นๆ ที่แตกต่างจากบริษัทอื่นๆ ออกไป
ตัวอย่าง ช่องทางการหาคน
1. เว็บไซต์หางาน
2. Social Media / Page
3. Recruiter
4. ออกบูท หรือ ร่วมโครงการจัดหาคน
5. รับนักศึกษาฝึกงาน
6. การมอบทุนการศึกษา
7. การตั้ง Academe
กรณี ต้องการสร้าง Academe ขึ้นมาเพื่อสร้างหรือหาคนที่เข้าตา หากบริษัทไหนอยากใช้วิธีนี้ แนะนำให้หาคนมารับผิดชอบตรงนี้เลย อย่าหวังพึ่งพนักงานในการการจัดการค่าย เพราะมันจะเสีย Resource ที่สำคัญไปกับงานอื่นที่ไม่ใช่งานหลัก
เมื่อเรารู้แล้วว่าจะหาคนจากช่องทางไหน เราจะได้จัดเตรียมเนื้อหาสำหรับช่วงทางนั้นๆ ได้ - วางแผนขึ้นตอนการสมัครงาน
เราต้องมีการกำหนด Flow การรับสมัครงานว่า ถ้าหากมีคนต้องการสมัครงานกับเราเขาจะต้องทำอะไรบ้าง เช่น
การยื่น Resume → การตอบแบบสอบถาม → ทดสอบ → สัมภาษณ์ ครั้งที่ 1 → สัมภาษณ์ ครั้งที่ 2 → สรุปและแจ้งผลการสมัครงาน → การทำสัญญาจ้าง
แต่ละขั้นตอนจะมีรายละเอียดย่อยลงไปที่ต้องทำ ตัวอย่าง เช่น ถ้าหากมีการทำการทดสอบ เราจะต้องออกแบบการทดสอบแต่ละระดับ และทดสองทำการทดสอบดูเพื่อตรวจสอบว่าการทดสอบนั้น เหมาะสมกับระดับนั้นๆ หรือเปล่า เป็นต้น - กระบวนการหาคน
หลังจากที่เราเลือกช่องทางการหาคน วาง Flow การรับสมัครงาน และเตรียมแบบฟอร์ม แบบทดสอบ และอื่นๆ เรียบร้อยแล้ว ก็สามารถเริ่มการหาคนและสัมภาษณ์งานได้เลย - การเซ็นสัญญาและอื่นๆ
เมื่อได้คนที่ถูกใจตรงกับที่วางแผนไว้แล้ว ก็จะเข้าสู่กระบวนการของการจ้างงาน กระบวนการนี้เป็นหน้าที่ของฝ่าย People Management / HR ขอไม่ลงรายละเอียดในส่วนนี้
ทั้งหมดนี้เป็นกระบวนการที่ต้องทำเมื่อเราต้องการจะหาคนเข้ามาเพิ่มในทีม ซึ่งผมว่าทุกทีมีการทำงานตรงนี้กันอยู่แล้ว ซึ่งจะแตกต่างกันออกไปขึ้นอยู่กับสถานะการณ์ของแต่ละที่อยู่แล้ว